Avenged Sevenfold Live in Bangkok 2015


        นี่ก็นับเป็นหนที่สามแล้วที่สุดยอดวงเมทัลระดับโลกอย่าง Avenged Sevenfold มาระเบิดคอนเสิร์ตที่บ้านเรา (หนก่อน เมษายน 2012) โดยงานนี้จัดขึ้นที่ Impact Arena เมืองทองธานีเพื่อรองรับแฟนๆของพวกเขาที่มีทีท่าว่าจะเยอะมากขึ้นเรื่อยๆ
        งานนี้ก็เป็นไปแบบเรียบง่าย มีทั้งจุดขายของที่ระลึกของวงไม่ว่าจะเป็นเสื้อทัวร์ ซีดี ฯลฯ (ไม่ได้ซื้อกะเขา หมดงบ 555) ที่ขาดไม่ได้ก็เป็นพวกป้ายไวนิลทั้งหลายที่เอาไว้ให้แฟนๆถ่ายรูปประกาศความเป็นแฟนพันธุ์แท้กัน เวลาล่วงเลยมาถึงช่วงเกือบๆหกโมงเย็นก็ได้เห็นแฟนๆจับจองพื้นที่ต่อคิวเพื่อจะได้เข้าไปในฮอลล์เป็นคนแรกๆ ส่วนตัวกระผมก็ได้แต่รอให้บรรดาแฟนระดับเดนตายเข้าไปให้หมดเสียก่อนเนื่องจากยังเข็ดกับวงมอชพิทที่thunderdomeในคราวก่อนไม่หาย รอจนประมาณราวๆสองทุ่มถึงได้ฤกษ์เข้าไปในฮอลล์หาที่ยืนเหมาะๆกัน แต่แอบงงเล็กๆคิดว่าตอนแรกคนน่าจะแน่นกว่านี้ แต่กลายเป็นว่ายืนดูค่อนข้างสบายครับ ส่วนโซนหลังๆนี่ก็แน่นใช้ได้อยู่
        หลังจากเข้าฮอลล์ไปไม่เท่าไร ไฟในฮอลล์ดับลง เพียงอินโทรเพลงแรก Shepherd of fire ดังขึ้น เหล่าแฟนๆโห่ร้องกันด้วยความบ้าคลั่ง จากนั้นทางวงก็ทยอยขนเพลงเก่งมามากมายไม่ว่าจะเป็น Critical Acclaim , Welcome to the family, Hail to the king, Beast and the harlot, Buried Alive จนมาถึงเพลงฮิตสุดๆของวง Seized the day ที่คนทั้งฮอลล์พร้อมใจกันส่งเสียงร้องแบบดังกระหึ่ม
         ทางด้านสมาชิกในวงก็ดูไม่ต่างจากครั้งก่อนมาก M Shadow ที่ยังคงแผดเสียงร้องได้สุดๆเช่นเคยอาจต่างจากเดิมตรงที่ใส่ใจคนดูมากขึ้นครับ, Zacky ก็ก้มหน้าก้มตาเล่นกีต้าร์ประกอบกับแอคชั่นเท่ๆให้เห็นบ่อยครั้ง, Johnny ก็ดูเป็นอีกคนที่แฟนๆให้ความสนใจกันพอควร นอกเหนือจากเล่นเบสแล้วยังออกลีลาเท่ๆดุๆฮาๆบวกกับทรงผมสุดจี๊ด, Arin มือกลอง หวดกลองได้มันส์ดีครับ บางทีท่าทางห้าวๆห่ามๆของเขาบางจังหวะทำเอานึกถึง Lars Ulrich แห่ง Metallica ได้เหมือนกัน ส่วนอีกคน Synyster ที่มาคราวนี้โชว์โซโล่กีต้าร์ได้สุดยอดไม่แพ้ใครในสายนี้อีกเช่นเคย เดินไปสองข้างเวทีให้แฟนๆ(โดยเฉพาะสาวๆ)ได้กรี๊ดได้ถ่ายรูปกันยกใหญ่
          มันส์กันต่อเนื่องกับเพลงที่ประเคนออกมาได้ถึงอกถึงใจทั้งแฟนเพลงรุ่นเก่า-ใหม่ Nightmare, Chapter four, Almost easy ก่อนที่จะพักเบรกให้ Syn ออกมาโชว์เดี่ยวกีต้าร์อยู่ร่วมหลายนาที เรียกเสียงฮือฮาจากแฟนๆได้มากทีเดียว ช่วงกลางๆงาน M Shadows มีปล่อยมุก "คราวก่อนที่เรามาที่นี่เรามาเล่นอีกฝั่งนึง" (หมายถึง Thunderdome) เล่นเอาฮาครืนกันเป็นแถวปนงงๆว่า ตาเอ็มแกไปถามใครมารึเปล่า? (แต่ถือว่าเป็นการทำการบ้านที่ดีมาก) เรื่อยไปถึงการนำธงชาติไทยแล้วพาดด้วยโลโก้ Deathbat ของวงบนจอมอนิเตอร์ยักษ์ นั่นก็ประทับใจแฟนๆไม่น้อย ยังไม่นับถึงการไหว้ขอบคุณสวยๆหลายต่อหลายครั้ง
          Afterlife เป็นอีกเพลงที่จะขาดไปไม่ได้ ต่อด้วย This Means War, Acid Rain (ทีแรกคิดว่าจะไม่เล่น) จนจบเพลงนี้พวกเขาก็หายวับไปหลังเวที เป็นอันรู้กันว่าพวกเขาต้องกลับขึ้นมาอังกอร์ด้วยเพลง Unholy Confession ต่อด้วย Bat Country แฟนๆตอนนี้ของขึ้นกันหมดแล้วเพราะคิดว่าน่าจะจบที่เพลงนี้ พวกเขากล่าวอำลาแฟนเพลง แล้วหายกลับไปหลังเวที แต่แฟนเพลงยังไม่ยอมกลับ แถมยังตะโกนเรียก Sevenfold Sevenfold อยู่ร่วมหลายนาที M Shadows ก็ออกมาถามว่า "พวกนายยังไม่กลับอีกเหรอ นี่มันน่าจะถึงเวลานอนละนะ" สุดท้ายทางวงก็จัด A little piece of heaven เป็นการปิดโชว์เต็มอิ่มสองชั่วโมงเต็มชนิดที่ว่าสะใจทั้งคนเล่นและคนดู
         ก่อนที่จะลงเวทีกันไป ก็ตามธรรมเนียมคอนเสิร์ตครับ แจกของที่ระลึกจากวง ปิ๊กกีต้าร์ ปิ๊กเบส ไม้กลอง อันแล้วอันเล่าลอยไปหาแฟนๆได้กระโดดคว้าแย่งกันอย่างสนุกสนาน ส่วนตัวก็ทำใจละครับว่าน่าจะได้ยากเพราะลำพังปิ๊กกีต้าร์เล็กๆแค่นั้นคงเหวี่ยงมาไม่ถึงแน่นอน แต่อันสุดท้ายเป็นของ Syn แกเหวี่ยงมาตรงที่ผมยืน เจ้ากรรมด้วยความเร็วของปิ๊กที่วิ่งมานั้นกระแทกหน้าอย่างจังจนมันเด้งหล่นพื้นหายไปไหนไม่รู้ (เจ็บใจสุดๆ 5555) 


          เป็นงานที่เปิดหัวชาวร็อคในปี 2015 ได้ประทับใจสุดๆครับ คุ้มทุกบาททุกสตางค์ แล้วเจอกันใหม่งานหน้าครับ

Comments

Popular posts from this blog

Sum 41: Underclass Hero (จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญมาเยือน)

New Found Glory: Resurrection (หนึ่งสมาชิกที่หายไปแต่ผลงานข้างในยังคงเดิม)