Birthzy: All About Music

1. Stand amid the roar แทร็คแรกและซิงเกิ้ลแรกของอัลบั้มนี้ ที่เสียงร้องของน้า Shane ยังทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ว่าจะสำรอก หรือหล่อพี่แกเอาอยู่หมด ส่วนพาร์ทดนตรีเนี้ยบผิดหูผิดตาจากอัลบั้มที่แล้วพอควรเลย ริธึ่มกระตุกๆ ฟังกระชับดีครับ 2. On brave mountains we conquer ต่อเนื่องกันเลยกับเพลงถัดมาริธึ่มคล้ายเพลงแรก แต่ฟีลจะออกโยนๆโยกๆหน่อย ไลน์กีต้าร์ประสานงานกันลงตัวดีครับ ที่ขาดไม่ได้คือ ท่อนฮุกหล่อติดหู 3. Massachusettes ซิงเกิ้ลที่สองครับ แนวถนัดของวงเลยครับเพลงนี้ กีต้าร์สอดประสานควบไปกับริธึ่มเบสกับกลอง ด้านเนื้อหาก็ออดอ้อนคร่ำครวญพอประมาณ 4. This is how น่าจะเรียกได้ว่าเป็นอินเทอร์ลูดเสียมากกว่า กับครึ่งแรกของคอนเซปต์อัลบั้มชุดนี้ (This is how the wind shifts) อารมณ์หลอนๆลอยๆนิดนึงครับ 5. A better place อีกเพลงเด่นจากอัลบั้มนี้ อุดมไปด้วยเมโลดี้ติดหู ไลน์กีต้าร์ คอรัส ทุกอย่างสอดประสานทำให้เพลงนี้ดูเนียนมากครับ อีกทั้งเนื้อร้องก็ยอดเยี่ยมเช่นกัน 6. Hide your secrets บัลลาดอเมริกันร็อคเพราะๆ ที่สามารถคาดหวังได้จากพวกเขาครับ ถึงจะออกแนวเดิมๆไปหน่อย แต่ก็ถือว่าสอบผ่านละครับ 7. Arriv

อัลบั้มที่เดอริกบอกว่าหนักที่สุดและเบาที่สุดของ Sum 41 และนี่คือผลลัพธ์จากการที่ไปถ่ายทำสารคดีที่คองโกจนเกือบเอาตัวไม่รอด ชื่ออัลบั้มนี้ได้มาจากชื่อของ Chuck Pelletier เจ้าหน้าที่ของ U.N. ผู้ฝ่าดงกระสุนไปช่วยทั้งสี่(และบุคคลที่เกี่ยวข้อง)ออกมาอย่างปลอดภัย 1. Intro แทร็คบรรเลงกีต้าร์ช้าๆหม่นๆ ที่ทำออกมาได้เพราะ(แบบดาร์คๆ)เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน 2. No Reason ป็อปพังก์เกรี้ยวกราดมันๆ ที่เดฟแอบใส่ริฟฟ์เมทัลไปแบบเนียนๆ เดอริกก็ร้องไว้ได้แสบทรวง ขณะที่พาร์ทริธึ่มอย่างโคนกับพี่ตีฟยังทำหน้าที่ได้ไม่บกพร่อง 3. We're all to blame ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มนี้ที่ดูจะสื่อภาพรวมของอัลบั้มนี้ได้ดีที่สุด ท่อนหนักก็ใส่ไม่ยั้ง ท่อนเบาๆก็ป็อปได้สุดๆเช่นกัน เนื้อหาก็เอามาจากสงครามกลางเมืองที่พวกเขาไปสัมผัสมาโดยตรง "คุณจะทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อย่างไร ในเมื่อเรามีส่วนผิดด้วยกันทั้งนั้น" (We're all to blame) 4. Angels with dirty faces ยังคงอัดกันแหลกลาญกับสปีดพังก์สุดมัน เดอริกร้องระบายอารมณ์ออกมาเต็มที่เลยทีเดียว 5. Some Say เพลงขายๆเบาๆพี่ๆเขายังมีให้ฟังนะครับ กับเพลงจังหวะกลางๆมีสาระ แต่ฟังติดห

วันนี้ถึงคิวสำหรับวงป็อปพังก์รุ่นเก๋าอย่าง Yellowcard กับสตูดิโออัลบั้มล่าสุด Southern Air 1. Awakening กับเพลงจังหวะชวนโยกที่เป็นเครื่องหมายการค้าของพวกเขา คอรัสติดหู ท่อนไวโอลินก็ยังทำได้สวยงามเช่นเคย ด้านเนื้อหาก็ออดอ้อนพอประมาณ 2. Surface of the sun ยังมาสูตรเดิมกับแทร็คก่อนหน้า ยังดีที่ว่ากีต้าร์ของ Ryan ช่วยทำให้เพลงดูเก๋าขึ้นมาบ้าง ไม่ใช่ป็อปพังก์หวานเลี่ยนกันอย่างเดียว 3. Always summer ซิงเกิลแรกที่ปล่อยออกมา แฟนๆดั้งเดิมของพวกเขาน่าจะถูกใจกันไม่ยาก กับจังหวะโจ๊ะๆ ร้องติดหู กีต้าร์เน้นสับคอร์ด และที่ขาดไม่ได้กับท่อนโซโล่ไวโอลินของ Sean Mackin 4. Here I am alive เพลงเมื่อกี๊ว่าป็อปแล้ว แต่ก็ยังเทียบอะไรไม่ได้กับแทร็กนี้ที่ได้ Tay Jardine จากวง We are the in crowd มาร่วมดูเอตด้วย ถือว่าเป็นสีสันใหม่ๆของวงเลย กับเพลงที่ชวนตื๊ดเอาเรื่องเหลือเกิน 5. Sleep in the snow อีกเพลงที่มูฟเมนท์ในเพลงค่อนข้างเยอะนิดนึง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ฟังยากแต่อย่างใด ท้ายเพลง Ryan key ร้องไว้ได้อารมณ์ไปกับดนตรีดีเยี่ยม 6. A vicious kind เพลงจังหวะกลางๆชวนโยก เรายังสามารถคาดหวังอะไรแบบนี้จากพ

ใครๆต่างบอกกันว่านี่คืออัลบั้มสุดคลาสสิคของพวกเขา ก็เห็นด้วยล่ะครับ ความห่ามซ่า ชื่อเสียง ฝีมือ มาพร้อมกับอัลบั้มป๊อปพังก์ที่เจือกลิ่นเมทัลได้อย่างพอเหมาะ 1. The hell song ริฟฟ์กีต้าร์ของเดฟดูเก๋าขึ้นพอตัว โซโล่ติดสำเนียงฮาร์ดร็อค ในขณะที่ภาพรวมยังเป็นพังก์โจ๊ะๆ 2. Over my head (Better off dead) เพลงมันๆสนุกๆ กับเสียงแหกปากร้องแหบๆของเดอริก พาร์ทดนตรีมีให้ตามไปแกะเล่น เด็ดๆกันหลายท่อนเลยทีเดียว อีกหนึ่งเพลงบังคับตอนเล่นไลฟ์ 3. My direction กลับมาย่ำพังก์โจ๊ะๆ ติดหูแนวถนัดของวง กับเนื้อหาสุดมั่น Perfection is my direction. Even if that's all I had. 4. Still waiting ซิงเกิลแรกที่เนื้อหาดูมีสาระขึ้นมาอีกนิด กับการพูดถึงเหตุการณ์โศกนาฏากรรมตึกเวิร์ลเทรด ด้านดนตรีเฮฟวี่กันแหลกลาญ เสียงร้องก็แหบแหลมไปกันได้ดี ถึงจะเฮฟวี่ขนาดไหนก็ยังเป็นซาวนด์ของพวกเขาอยู่ดี 5. A.N.I.C. เนื้อหาสุดหยาบ ดนตรีสุดเถื่อน กับความยาวไม่ถึงนาที! 6. No brains เนื้อหาระบายอารมณ์กับเรื่องแย่ๆ กับฮาร์ดคอร์พังก์ที่ยังใส่กันแหลกเช่นเคย โซโล่เปิดโอกาสให้เดฟได้โชว์ของเต็มที่ เป็นอีกเพลงที่นำมาเล่นสดแ