Review Killswitch Engage Live In BKK 2013 (29/7/2013)



            อีกหนึ่งงานที่ขาร็อค เมทัล(คอร์) รอการมาเยือนของเมทัลคอร์หัวแถวของโลกวงนี้ งานนี้จัดกันที่ Hollywood รัชดาครับ หน้างานเป็นไปอย่างเรียบง่ายครับ มีจุดให้ลงทะเบียนสำหรับ Meet & Greet (ซึ่งผมก็ได้ด้วย) มีเสื้อทัวร์ของวงจำหน่าย และก็ซีดี ไวนิล ที่ทางอินดี้ป๊อบขนมาขายในงานนี้ด้วย
             จนกระทั่งเวลา 17:30 ทางทีมงานได้ประกาศให้ผู้ที่ได้meet and greetเข้าไปเจอกับวง ซึ่งทางวงก็เป็นกันเองมากครับ ได้เซ็นของ ได้ถ่ายรูป(ตามใจชอบ) รูปรวมทางทีมงานก็ถ่ายให้ครับ แต่ผมแอบฮาตอนให้ Adam D. แกเซ็นของ ผมบอกแกไปว่า U R My Hero แกตอบด้วยอาการรั่วๆของแกประมาณว่า โนๆๆๆ ไม่ขนาดนั้นหรอก (ถ้านึกไม่ออกว่าแกรั่วขนาดไหน ให้นึกถึงพี่ตีฟ (ex. Sum 41) เป็นตัวตั้งแล้วคูณ5เข้าไปครับ ฮ่าๆๆๆ) แต่ทางวงเรียบร้อยกว่าที่คิดไว้เยอะเลยครับ (ยกเว้นอดัม)
             เสร็จสิ้นภาระกิจแรกไปแล้วก็นั่งรอเวลาประตูเปิด ซึ่งตอนแรกผมเองก็ไม่ได้กะว่าต้องเข้าประตูเป็นคนแรกๆ แต่เพื่อนที่ได้มีทด้วยกันเขาบอกว่า "แกๆ jesse (ร้องนำ) หล่อมากกกกก อยากดูใกล้ๆ" ผมเองก็เห็นดีด้วยจึงไปนั่งรอหน้าประตูมันเป็นคนแรกๆด้วยซะเลย (ใจนึงก็อยากเห็นทักษะทางดนตรีอันยอดเยี่ยมของพวกพี่ๆเขาเหมือนกัน) จนกระทั่งเวลาเกือบ19:00ประตูเปิด ผมวิ่งเข้าไปด้วยความบ้าคลั่ง (กรี๊ดลั่น 555) พร้อมกับจับจองเวทีทางฝั่งซ้ายแล้วก็ฉุกคิดได้ว่า อดัมยืนฝั่งขวานี่หว่า แต่นั่นไม่ได้ส่งผลอะไรมากนักครับ เพราะเฮียเขาอยู่ไม่ค่อยเป็นที่อยู่แล้วครับ 555
              และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกคนรอคอย สมาชิก Killswitch Engage ได้ทยอยขึ้นมาทีละคนๆ จนครบแล้วเปิดโชว์ด้วยเพลงจากอัลบั้มล่าสุดอย่าง The New Awakening ที่ต้องบอกว่าโยกกันหัวทิ่มบวกด้วยลีลาของสมาชิกแต่ละคนที่ต้องบอกว่าเหลือกินกันเลย พี่ Jesse กระโดดไปมาเฉี่ยวหน้าผมไปหลายรอบ ไล่เรียงมาเรื่อยกับเพลงฮิตๆอย่าง A bid farewell, Fixation on the darkness ที่ผู้ชมเริ่มเครื่องติดกันบ้างแล้วและเพลงฮิตๆเจ๋งอีกหลายเพลงอย่าง The Hell In Me, Life to lifeless, No end in sight ต่อเนื่องมาจนถึง Take this oath ที่ผมเริ่มเห็นว่ามีวงมอชเกิดขึ้นบ้างแล้ว พูดถึงลีลาของแต่ละคนนี่หายห่วงครับ วิ่งไปวิ่งมาให้แฟนๆได้ยลโฉมกันอย่างทั่วถึง ส่วนตัวผมก็ได้มีโอกาสเอื้อมมือไปเขี่ยกีต้าร์ของพี่อดัมทีนึง และได้จับรองเท้าเกือบครบทุกคน โดยเฉพาะพี่ไมค์มือเบสที่ผมไปจับเท้าแกแบบจังๆ แกหันมายิ้มและก็ยกนิ้วให้ด้วยความสะใจ 555
              บรรยากาศโดยรอบตอนนี้แฟนๆน่าจะอยู่ในโหมด ของขึ้น กันแล้วครับ เพราะเพลงช่วงครึ่งหลังนี่เน้นเพลงเก่าๆเยอะอยู่ไม่ว่าจะเป็น The arms of sorrow, This is absolution, Rose of sharyn (เพลงแรกที่ฟัง KsE บวกกับบรรยากาศที่เริ่มเดือดขึ้นๆ), In due time, My curse (ชอบเพลงนี้มาก) บางช่วงของคอนฯครั้งนี้ก็แอบมีช็อตซึ้งๆ อย่างตอนที่ Jesse เดินไปหยิบธงชาติไทยมาแล้วพูดประมาณว่า Thailand I love u ได้ใจแฟนๆกันไป หรือจะเป็นช็อตฮาๆของอดัม ที่เล่นกีต้าร์ไปเต้นสกาไป(ได้ด้วย) กินเบียร์ระหว่างโชว์ถี่มากครับ แถมยังแอบพูดถึงอาหารไทยไว้นิดหน่อยด้วย (แอบฮาอากัปกริยาพี่แกเวลาพูด) ส่วนคนที่ดูนิ่งๆไปหน่อยอย่าง Joel มือกีต้าร์อีกคน แต่แกค่อนข้างโฟกัสกะการเล่นดนตรีซะมากกว่า, ไมค์มือเบส ลีลาเท่มากครับ มียื่นเบสมาให้แฟนๆได้จับเล่นอีกด้วย สำหรับ Jordan มือกลอง AILD (วันนี้มารับหน้าที่แทน Justin ที่ประสบอุบัติเหตุ) ก็ทำหน้าที่ได้ดีทีเดียวครับ ถึงจะมีเวลาซ้อมกับวงน้อยไปนิด
              มาถึงช่วงท้ายต้องมีเพลงนี้ที่ไม่เล่นไม่ได้แน่ๆอย่าง The end of heartache ที่คนดูร้องกันสนั่น Seek me..... กันลั่นครับ จบเพลงนี้แสงไฟดับลง แฟนๆตะโกนขอ One more song กันยกใหญ่ เพราะจะขาดเพลงๆนี้ไปไม่ได้ครับ My last serenade ตอนนี้คนดู คนเล่นใส่ มีเท่าไรใส่ไม่ยั้งแล้วครับ เป็นการปิดท้ายโชว์ที่สวยงามสุดๆ
              ถือว่าเป็นอีกงานที่น่าประทับใจมากๆครับ

Comments

Popular posts from this blog

Avenged Sevenfold Live in Bangkok 2015

Sum 41: Underclass Hero (จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญมาเยือน)

New Found Glory: Resurrection (หนึ่งสมาชิกที่หายไปแต่ผลงานข้างในยังคงเดิม)